ทัวร์อินเดีย มหัศจรรย์...อินเดีย ไหว้พระพิฆเนศ 10 องค์ เสริมความปัง ปี 2567

ทัวร์อินเดีย มหัศจรรย์...อินเดีย ไหว้พระพิฆเนศ 10 องค์ เสริมความปัง ปี 2567

รหัสทัวร์
008-00419
วันที่เดินทาง
พ.ค.67 - ส.ค.67
ช่วงเวลา
6 วัน 4 คืน
เดินทางโดย
Thai Airways (TG) Thai Airways (TG)

ไฮไลท์

  • เมืองมุมไบ • วัดสิทธิวินายัก • ประตูสู่อินเดีย • วัดพระแม่ลักษมี • เมืองมหัต
  • เทวสถานศรีวรทาวินายัก • เมืองปูเน่ • เทอูร์  • เทวสถานศรีจินดามณี • โมเรกาวน์
  • เทวสถานศรีมยุเรศวร • สิทธิเทก • เทวสถานศรีสิธิวินายกะ  • เมืองปูเน่                    
  • รันยันกาวน์ •วัดศรีมหาคณปติ •โอซาร์ • วัดศรีวิฆเนศวา • เลนยาตรี • วัดศรีคีรีจัตมา
  • องค์ดั๊กดูเศรษฐ์ ฮาลไว คณาปิติ • เมืองปาลี • เทวสถานศรีบัลลาเลศวา • มุมไบ 

แผนการเดินทาง

16.00 น.         พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 2 ROW D เคาน์เตอร์สายการบินไทย THAI AIRWAYS (TG) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน

18.55 น.         ออกเดินทางสู่ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดิย โดยเที่ยวบินที่ TG 317 (บริการอาหารบนเครื่อง)

21.55 น.         เดินทางถึง ท่าอากาศยานสนามนานาชาติ ฉัตรปาตี ศิวะจี เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อย พบการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่ (เวลาท้องถิ่นของประเทศอินเดียช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 1.30 ชั่วโมง กรุณาปรับนาฬิกาของท่านเพื่อสะดวกในการนัดหมาย)

ที่พัก                KOHINOOR/ORCHID HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว ที่เมืองมุมไบ มาตรฐานประเทศอินเดีย

(โรงแรมที่ระบุในรายการทัวร์เป็นเพียงโรงแรมที่นำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงแต่โรงแรมที่เข้าพักจะเป็นโรงแรมระดับเทียบเท่ากัน)

เช้า                 บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 1)

จากนั้น            นำท่านเดินทางสู่สิทธิวินายัก (Siddhivinayak Temple) ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองมุมไบ (บอมเบย์) องค์พระพิฆเนศที่นี่มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากที่อื่นตรงที่งวงหันไปทางขวา ถือว่าเป็นประธานของเทวรูปพระพิฆเณศทั้งหมดในโลก ผู้คนที่นับถือพระพิฆเนศทั้งในอินเดียและต่างประเทศ ต่างพากันไปสักการะบูชาและขอพรอย่างไม่ขาดสาย ผู้ที่มาสักการะพระองค์

จากนั้น            นำท่านสู่ ประตูสู่อินเดีย GATE WAY เป็นอนุสาวรีย์ซุ้มประตูโค้งแบบประตูชัย ที่ตั้งอยู่ในนครมุมไบ ประเทศอินเดีย ประตูสู่อินเดียสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการเสด็จฯ เยือนนครมุมไบของพระเจ้าจอร์จที่ 5 และ พระนางมาเรียแห่งเท็ค เมื่อปี 1911 ณ บริเวณอะพอลโลบันเดอร์ สถาปัตยกรรมที่ใช้คือแบบอินเดีย-ซาราเซน (Indo-Saracenic) และอนุสาวรีย์สร้างด้วยหินบะซอลต์ ความสูง 26 เมตร (85 ฟุต) ใช้เวลาสร้างสำเร็จในปี 1924 ปัจจุบันใช้เป็นสัญลักษณ์สำหรับพิธีต้อนรับรัฐมนตรีใหม่ของนครมุมไบ และเช่นกัน เป็นทางเข้าประเทศอินเดียหากเดินทางมาทางมหาสมุทรอินเดีย ประตูสู่อินเดียตั้งอยู่หน้าน้ำที่อะพอลโลบันเดอร์ ในทางทิศใต้ของนครมุมไบ มองออกไปคือทะเลอาหรับบางครั้งเรียกว่าเป็นทัชมาฮาลแห่งมุมไบ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง

จากนั้น            นำท่านสักการะ วัดพระแม่ลักษมี เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของอินเดีย สร้างขึ้นในปี 1831 โดยพ่อค้าชาวฮินดู ภายในประดิษฐานเทวรูปทองคำ พระแม่ลักษมี (Mahalakshmi) ผู้ที่มากราบไหว้บูชาแห่งนี้ จะประสบแต่ความร่ำรวย ความสำเร็จ โชคลาภมากมาย , พระแม่กาลี (Mahakali) คือผู้ปกป้องเราจากสิ่งไม่ดี , พระแม่สุรัสวตี (Mahasaraswathi) คือผู้บันดาลความเฉลี่ยวฉลาด ปัญญาเป็นเลิศ การงานสำเร็จ ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นที่นิยมของชาวอินเดียเดินทางมากราบไว้สักการะมากมาย

เที่ยง               บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 2)

จากนั้น            เดินทางสู่เมืองมหัต ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ( ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) 

นำท่านสักการะแห่งที่ 1 เทวรูปพระพิฆเนศ ณ เทวสถานศรีวรทาวินายัก (Shri Varad Vinayak) โดยองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และงวงหันไปทางซ้าย ภายในวิหารที่ประดิษฐานพระวรทาวินายกะแห่งนี้ได้รับแสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันที่มีความเชื่อว่าไม่เคยมอดดับตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 1892 โดยมี ปลายยอดโดมทำด้วยทองคำ และเป็นเทวสถานแห่งเดียวที่อนุญาตให้เข้าไปสักการะภายในวิหารได้ ภายนอกวิหารจะปรากฏช้างจำนวน 4 เชือก อยู่ทั้ง 4 ด้าน ผู้ใดที่มาสักการะ จะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ลบล้างคุณไสย์ มนต์ดำต่างๆได้

เย็น                  บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 3)

ที่พัก                THE PRIDE/ORCHID HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว ที่เมืองปูเน่ มาตรฐานประเทศอินเดีย

 (โรงแรมที่ระบุในรายการทัวร์เป็นเพียงโรงแรมที่นำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงแต่โรงแรมที่เข้าพักจะเป็นโรงแรมระดับเทียบเท่ากัน)

เช้า                บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 4)

จากนั้น           นำท่านเดินทางสักการะแห่งที่ 2 เทวสถานศรีจินดามณี (Shri Chintamani) ตั้งอยู่ที่ เทอูร์ ห่างจากเมืองปูเน่ประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในเทวสถานในกลุ่มอัษฏวินายักกะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง เทวตำนานจากมุทคลปุราณะเล่าว่า กษัตริย์อภิจิต และ พระนางกุนวตี ทรงมีพระโอรสชื่อ คณราช ได้บำเพ็ญเพียรต่อองค์พระศิวะจนได้รับพรให้มีอำนาจเป็นใหญ่ในโลกทั้งสาม วันหนึ่งคณราชและกองทหารที่ติดตามออกมาล่าสัตว์ได้ ผ่านมาทางอาศรมของ ฤาษีกปิละ (กปิล) จึงได้ขอพักเหนื่อยบริเวณอาศรม พระฤาษีมีความเมตตาให้การต้อนรับ พร้อมทั้งเชิญราชบุตรและผู้ติดตามกินอาหารที่อาศรม พระฤาษีใช้ แก้วจินตามณี (จินดามณี-แก้วสารพัดนึก) เนรมิตอาหารเลี้ยงคณราชและกองทหารทั้งหมด เมื่อคณราชทราบว่าพระฤาษีมีแก้วที่ทรงคุณวิเศษ เกิดความโลภอยากได้จินดามณีมาก ถึงกับเอ่ยปากขอเอาดื้อๆ ฝ่ายพระฤาษีเห็นว่าเป็นของประทานจากองค์พระอินทร์ จึงปฏิเสธ เมื่อขอไม่ได้คณราชจึงใช้กำลังแย่งชิงจินดามณีมาเป็นของตน อาศรมของพระฤาษีตกอยู่ในความลำบากเดือดร้อน เพราะขาดแคลนอาหารที่จะนำมาเลี้ยงคนในอาศรม ฤาษีกปิลจึงอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากพระคเณศ คืนนั้นคณราชฝันไปว่าฤาษีกปิลได้ยกกองกำลังมาเพื่อนำจินดามณีกลับคืน หนึ่งในพลเสนาของพระฤาษีได้ตัดหัวคณราชด้วย ขวาน รุ่งเช้าจึงจัดแต่งกองกำลังเพื่อไปสังหารฤาษีกปิล พระคเณศเสด็จมาช่วยฤาษีกปิล ทำลายกองกำลังของคณราชจนหมดสิ้น คณราชเข้าต่อสู้กับองค์พระคเณศ สุดท้ายถูกพระคเณศสังหาร มหาราชอภิจิต บิดาของคณราช นำแก้วจินดามณีมาคืนแก่ฤาษีกปิล และขออภัยโทษในสิ่งที่คณราชทำ พระฤาษีอธิษฐานให้พระคเณศประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป และได้ถวายแก้วจินดามณีนั้นประดับแด่องค์พระคเณศ พระคเณศที่เทวสถานแห่งนี้จึงมีพระนามว่า "ศรีจินดามณี" ผู้มาสักการะองค์ "พระศรีจินดามณี" จะสมหวัง ดังได้อธิษฐานต่อลูกแก้วจินดามณี

จากนั้น            นำท่านเดินทางสักการะแห่งที่ 3 เทวสถานศรีมยุเรศวร (Shri Mayureshwar) ประดิษฐานอยู่ที่ โมเรกาวน์ (Morgaon) กษัตริย์จักรปาณี และ พระนางอัครา ได้ทำพิธีขอบุตรจาก สุริยเทพ เมื่อทรงครรภ์พระนางก็ไม่ สามารถทนความร้อนแรงที่เกิดจากทารกในครรภ์ได้ จึงขับทารกออกจากครรภ์ และได้นำตัวอ่อนของทารกไปฝากไว้กับ พระสมุทร ในทะเล บังเกิดเป็นทารกที่มีกายสีแดง พระโอรสได้รับพระนามว่า สินธุ เพราะถือกำเนิดจากทะเล เมื่อสินธุเติบโตขึ้น บำเพ็ญตบะพร่ำสวดมนตราภาวนาต่อองค์พระสุริยเทพเป็นเวลาถึงสองพันปี จนสุริยเทพพอพระทัย จึงเสด็จมาให้พรสินธุขอพรให้เป็นอมตะ สุริยเทพประทานหม้อน้ำอมฤตโดยบอกว่า ตราบใดที่น้ำอมฤตนี้ยังอยู่ในท้อง ก็จะไม่มีผู้ใดฆ่าสินธุได้ เมื่อได้พรแล้วก็กลับมายังอาณาจักรสืบราชสมบัติต่อจากพระบิดา แต่นิสัยใจคอนั้นดุร้ายเหี้ยมโหดดังอสูร จับเทวดานางฟ้ากักขัง จนบรรดาทวยเทพต้องร่วมกันอ้อนวอนต่อองค์พระคเณศให้ช่วยเหลือ พระคเณศทรงประทับมาบนหลังนกยูง ใช้ขวานผ่าท้องสินธุ เอาหม้อน้ำอมฤตออกจากท้องแล้วสังหารสินธุด้วยการตัดหัว หลังจากที่หัวของสินธุขาดก็เกิดเป็นสีแดงสดใสสาดไปทั่วทั้งสวรรค์ บังเกิดเป็นผงเจิมสีแดงสดที่ใช้ในการบูชาเทพเจ้า ผงนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "ผงสินธู"  ผู้ที่มาสักการะองค์ "พระศรีมยุเรศวร" จะปราศจากอุปสรรคและอันตรายใดๆมาแผ้วพาน

เที่ยง                บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 5)

จากนั้น             เดินทางสู่เมืองสิทธาเทก อยู่ห่างจาก เทอูร์ 74 กิโลเมตร ( ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชม. )

นำท่าน            เดินทางสักการะแห่งที่ 4 เทวสถานศรีสิทธิวินายกะ (Shri Siddhivinayaka) ประดิษฐานอยู่ที่ สิทธาเทก ในคเณศ  ปุราณะ ได้กล่าวถึงตำนานเทวสถานแห่งนี้ว่า ในขณะที่ พระพรหม รังสรรค์โลกและสรรพสิ่งทั้งหลายอยู่นั้น  ครั้งนั้นพระองค์ได้ให้กำเนิดเทวีขึ้น 2 องค์คือ พระนางพุทธิ และ พระนางฤทธิ  พระองค์ได้ประทานบุตรีทั้ง 2 องค์นี้ให้เป็นชายาแก่ พระคเณศ ในเวลานั้น องค์พระหริวิษณุเทพ (พระนารายณ์) อยู่ในระหว่างบรรทมสินธุ์ ณ เกษียรสมุทร มูลพระกรรณ(หรือขี้หู) ของพระวิษณุ 2 เม็ดได้ไหลออกมาจากพระกรรณ กลายเป็นอสูร 2 ตนคือ มาธุสูร และ ไกตภสูร พวกอสูรได้ก่อกวนองค์พระพรหมจนต้องเสด็จไปพึ่งพระวิษณุ เมื่อทราบเรื่องราวของอสูรแล้วจึงได้เสด็จไปปราบอสูรทั้งสอง แต่ก็ไม่สามารถกำราบอสูรลงได้ พระองค์จึงเสด็จไปพบองค์ พระศิวะ เพื่อปรึกษาหนทางที่จะปราบอสูร หลังจากนั้นองค์พระคเณศปรากฎต่อพระวิษณุและให้พรในการปราบอสูร พระวิษณุเทพจึงสามารถสังหารอสูรทั้งสองลงได้สำเร็จ หลังจากนั้นพระวิษณุจึงสร้างเทวสถานขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อครอบสวยัมภูมูรติของพระคเณศ ณ สถานที่แห่งนี้ที่ทำให้พระองค์มีชัยชนะในสงคราม พระคเณศได้ประทานนามแก่เทวสถานแห่งนี้ว่า "สิทธิวินายกะ" ผู้ใดได้สักการะองค์ "ศรีสิทธิวินายัก" นี้จะประสบความสำเร็จในการงานทุกประการ

จากนั้น            เดินทางสู่เมืองปูเน่

เย็น                 บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 6)

ที่พัก                THE PRIDE/ORCHID HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว ที่เมืองปูเน่ มาตรฐานประเทศอินเดีย

(โรงแรมที่ระบุในรายการทัวร์เป็นเพียงโรงแรมที่นำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงแต่โรงแรมที่เข้าพักจะเป็นโรงแรมระดับเทียบเท่ากัน)

เช้า                 บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 7)

จากนั้น            นำท่านเดินทางสักการะแห่งที่ 5 วัดศรีมหาคณปติ (Sri Mahaganapati) แห่งเมือง รันยันกาวน์ เทวตำนานเล่าว่า ขณะที่ฤาษีคฤตสมาชนั่งบำเพ็ญเพียรภาวนาได้จามออกมาเป็นกุมารน้อยผิวสีแดง จึงสอนให้กุมารสวดบูชาต่อพระพิฆเนตร กุมารน้อยบำเพ็ญเพียรกว่าห้าพันปีทำให้พระพิฆเนศพอใจเป็นอย่างมากจึงประทานพรให้ แต่กุมารขอให้ตนเองมีอำนาจเหนือ 3 โลก พระพิฆเนศให้ตามที่ขอโดยการเนรมิตประสาท 3 หลัง คือประสาททองคำ ประสาทเงิน และประสาทโลหะให้ และตรัสว่า “ต่อไปนามของเจ้าคือ ตรีปุระ และวันใดที่เจ้าชั่วร้าย ประสาทเหล่านี้จะถูกทำลายและเจ้าจะถูกทำลายเสวยศรดอกเดียวของพระศิวะ บิดาแห่งข้า” ต่อมาตรีปุระลำพองตนรุกรานทั้ง 3 โลก องค์พระศิวะจึงเสด็จมาปราบ และหลังจากบวงสรวงต่อพระพิฆเนศแล้วพระศิวะก็ปราบตรีปุระได้สำเร็จ จึงเชื่อว่าเทวสถานแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พระศิวะบวงสรวงต่อพระพิฆเนศ การสักการะองค์ศรีมหาคณปติจะทำให้มีอำนาจยิ่งใหญ่ สามารถพิชิตมารร้ายและอุปสรรคทั้งหลายได้สำเร็จ ผู้ที่มาสักการะองค์ "ศรีมหาคณปติ" ที่นี่จะได้รับความสำเร็จสบปรารถนา

เที่ยง                บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 8)

จากนั้น             เดินทางสู่เมืองโอซาร์ (ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชม.) นำท่านเดินทางสักการะแห่งที่ 6 วัดศรีวิฆเนศวา (Sri Vighneshwar) ประดิษฐานอยู่ที่ โอซาร์ เทวะสถานแห่งนี้มีชื่อเสียงมากในเรื่องความงดงามทางสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะยอดโดมที่เป็นทองคำและความงดงามของพวงมาลัยที่ประดับอยู่ที่ตัวเทวาลัย นามขององค์ศรีวิฆเนศวรมาจากเทะวตำนานว่า กษัตริย์ อภินันทะประกอบพิธีบูชายัญเพื่อจุติมาเป็นอินทรเทพ พระอินทร์ได้ทราบดังนั้นจึงสร้างวิฆนาสูรเพื่อส่งไปทำลายพิธีกรรมของกษัตริย์อภินันทะ แต่อสูรตนนี้กลับทำลายพิธีทั้งหมดทำให้ธรรมะเลือนหายไปจากทั้งสามโลก เหล่าฤาษีนักบวชจึงอ้อนวอนต่อพระพิฆเนศให้เสด็จมาปราบอสูร พระพิฆเนศใช้อำนาจสยบอำนาจทั้งหมดของอสูรทำให้วิฆนาสูรยอมแพ้และถวายตัวต่อองค์พระพิฆเนศเพื่อให้ไว้ชีวิตตนและขอร้องให้องค์พระพิฆเนศใช้ชื่อของตัวเองรวมกับพระนามของพระองค์เพื่อล้างบาปและเป็นบุญกุศลแก่อสูร เทวรูปพระพิฆเนศที่นี่จึงถูกขนานนามว่า “ศรีวิฆเนศวร” หมายถึงผู้ขจัดอุปสรรคและภยันตราย เชื่อว่าผู้ที่มาสักการะองค์ศรีวิฆเนศวรก่อนทำการใดๆ จะทำการนั้นได้สำเร็จราบรื่น ไร้อุปสรรค

นำท่านเดินทางสู่เมืองเลนยาตรี

จากนั้น            นำท่านเดินทางสักการะแห่งที่ 7 วัดศรีคีรีจัตมา (Sri Girijatmaj) ประดิษฐานอยู่ที่ เลนยาตรี ตั้งอยู่ในถ้ำบนภูเขาริมแม่น้ำกุกดี เมืองเลนยาตรี (Lenyadri) ซึ่งครั้งหนึ่งถ้ำที่ภูเขาแห่งนี้ ได้ขุดเจาะเพื่อเป็นวัดในพระพุทธศาสนา หลังจากพระพุทธศาสนาเริ่มเสื่อม ศาสนาฮินดูก็รุ่งเรือง และภายในถ้ำแห่งนี้ก็เกิดปาฏิหาร มีพระพิฆเนศเกิดขึ้นมาทำให้ชาวฮินดูขึ้นมายาตรามหาเทพ จึงทำให้ถ้ำแห่งนี้กลายเป็นถ้ำของพระพิฆเนศ การสักการะองค์พระพิฆเนศ จะต้องขึ้นบันได 283 ขั้น เท วะตำนานแห่งนี้เล่าว่า พระแม่ปารวตี (พระอุมาเทวี) ต้องการโอรสมากจึงได้ทำพิธีปันยากพรต (บุญยักวริตะ) ขึ้นเพื่อเป็นการบูชาต่อพระวิษณุเทพ ตามการแนะนำของพระศิวะเป็นเวลาหนึ่งปี ทำให้พระวิษณุโปรดปราณมาก จึงให้พระกฤษณะไปกำเนิดเป็นบุตรของพระแม่อุมาเทวี และสถานที่ที่พระแม่อุมากระทำพิธีก็คือเทวะสถานคีรีจัตมาแห่งนี้นี่เอง จึงเชื่อกันว่า พระพิฆเนศเป็นอวตารปางหนึ่งของพระกฤษณะด้วยการยาตรามายังถ้ำเทวะสถานคีรีจัตมาแห่งนี้ก็เพื่อขอบุตร ซึ่งผลบุญแห่งการยาตรามาแสวงบุญนี้ จะทำให้ผู้ที่ยังไม่มีบุตรและมาประกอบพิธีขอบุตรที่นี่จะประสบความสำเร็จสมหวังเสมอและ จะได้บุตรที่ดีเฉลียวฉลาดและมีปัญญาหลัก  แหลมเหมือนดังองค์พระคเนศ และที่บริเวณถ้ำแห่งนี้สามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเลนยาตรีได้อีกด้วย

เย็น                 บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 9)

ที่พัก                THE PRIDE/ORCHID HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว ที่เมืองปูเน่ มาตรฐานประเทศอินเดีย

(โรงแรมที่ระบุในรายการทัวร์เป็นเพียงโรงแรมที่นำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงแต่โรงแรมที่เข้าพักจะเป็นโรงแรมระดับเทียบเท่ากัน)

เช้า                 บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 10)

จากนั้น            นำท่านสักการะองค์ดั๊กดูเศรษฐ์ ฮาลไว คณาปิติ(Dagadusheth Halwai Ganapati) ประดิษฐานอยู่ที่ เทวลัยพระพิฆเนศวร เมืองปูเน่ เป็นองค์พระพิฆเนศหล่อจากทองคำ ตกแต่งด้วยเครื่องทรงและเครื่องประดับจากทองคำแท้ ความสูง 7.5 ฟุต เชื่อกันว่าผู้ใดที่ได้มาสักการะจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ร่ำรวยเงินทองแบบมหาศาล

พิเศษ!!! ร่วมพิธี Abhishekam ที่ Dagdusheth Temple

จากนั้น            เดินทางสู่เมืองปาลี (PALI) (ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ช.ม.)  นำท่าน สักการะแห่งที่ 8 เทวรูปพระพิฆเนศ ณ เทวสถานศรีบัลลาเลศวา (Shri Ballaleshwar Pali) โดยสวยัมภูมูรติองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และงวงหันไปทางซ้าย บริเวณพระเนตร และพระนลาฏ (หน้าผาก) ประดับด้วยเพชร ประทับอยู่บนบัลลังก์ไม้แกะสลัก โดยมี มุสิกะ หนูเทวพาหนะของพระองค์ท่าน เหยียบขนมโมทกะอยู่บริเวณด้านหน้าของเทวรูปบริเวณด้านหลังเทวสถานแห่งนี้จะปรากฏ เทวสถานศรีทุนธิ (Shree Dhundi Temple) ที่ประดิษฐานหินพระคเณศ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นหินพระเคณศเดียวกับที่ถูกนายกัลยัน บิดาของ เด็กหนุ่มบัลลาเขวี้ยงทิ้ง ผู้ใดที่มาสักการะจะได้รับความสุขทั้งครอบครัว

เที่ยง                บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 11)

จากนั้น             นำท่านเดินทางกลับเมืองมุมไบ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)

เย็น                  บริการอาหารเย็น ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 12)

ได้เวลาอันสมควร เดินทางเข้าสู่ สนามบินมุมไบ ประเทศอินเดีย เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ TG 318 (บริการอาหารบนเครื่อง)

23.35 น.          ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติ ฉัตรปาตี ศิวะจี เมืองมุมไบ มุงหน้าสู่ ประเทศไทย

05.35 น.         เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม

แผนที่

เลือกวันเดินทาง

วันเดินทางไป - กลับ ผู้ใหญ่ท่านละ พักเดี่ยวเพิ่มเงิน ราคาเด็กท่านละ ว่าง
29 พ.ค. 67 - 03 มิ.ย. 67 37,999 บาท 7,500 บาท 37,999 บาท 11 จอง
24 ก.ค. 67 - 29 ก.ค. 67 38,999 บาท 7,500 บาท 38,999 บาท 14 จอง
07 ส.ค. 67 - 12 ส.ค. 67 38,999 บาท 7,500 บาท 38,999 บาท 15 จอง

เงื่อนไข

** เพื่อความถูกต้อง กรุณาตรวจสอบข้อมูลเดินทางและเงื่อนไขการชำระเงินกับทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายทุกครั้ง
ราคาเริ่มต้น
37,999 บาท
รหัส 008-00419 ทัวร์อินเดีย มหัศจรรย์...อินเดีย ไหว้พระพิฆเนศ 10 องค์ เสริมความปัง ปี 2567
ราคาเริ่มต้น 37,999 บาท
เดินทางช่วง พ.ค.67 - ส.ค.67
เดินทางโดย Thai Airways (TG)
ดูเพิ่มเติม https://www.grandtogethertour.com/tour.php?tour_id=6127

ไฟล์ PDF https://tourfiles.vm101.net/pdf/015/008-00419.pdf

สนใจติดต่อ บริษัท แกรนด์ทูเก็ตเตอร์ จำกัด
เลขที่ใบอนุญาต 11/08199
โทร 086-360-0023
LINE ID @grandtogether
อีเมล grandtogethertour@gmail.com
คัดลอกข้อมูลทัวร์
เพิ่มในรายการโปรด
Share on social networks
Scan QRCode
ติดต่อสำนักงาน
บริษัท แกรนด์ทูเก็ตเตอร์ จำกัด
เลขที่ใบอนุญาต 11/08199

9/31 หมู่ 3 แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170

จันทร์-ศุกร์ 9.00 - 18.00 น.
บริการของเรา
บริการจัดนำเที่ยวในประเทศ
บริการจัดนำเที่ยวต่างประเทศ
บริการจัดอบรมประชุมสัมมนา
บริการจองตั๋วเครื่องบิน
ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
LineID
Add LINE Friends via QR Code
ติดตามเรา
home
หน้าหลัก
quatation
ขอใบเสนอราคา
chat
ติดต่อเรา
ติดต่อ
chat ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
search ค้นหาโปรแกรมทัวร์
home หน้าหลัก
approval ขอใบเสนอราคา